Bye Bye 2018

เป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งเรื่องส่วนตัวและสังคมรอบตัว พอจะสังเขปเกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาคร่าวๆ ที่เราเลือกมาว่ามีผลกับตัวเราและการใช้ชีวิตในปี 2018

1. iPad+Pencil

ใกล้เคียงการทำงานแบบ Computer-less มากกว่าเดิม สำหรับสายงานสร้างสรรค์ ขีดเขียน วาดรูปและออกแบบ App ก็มีมารองรับให้ทำงานแบบต่อเนื่องได้ทั้งบน iPad และ คอมพิวเตอร์ ที่ชอบเป็นพิเศษ คือ Affinity Designer บน iPad กับ Desktop ทำงานได้ไร้รอยต่อสนิทมาก ช่วงสามเดือนหลังก็เริ่มใช้ iPad ทำงานมากขึ้น รู้สึกเปิดคอมพิวเตอร์น้อยลง แม้บางงานก็ต้องส่งขึ้นมาทำต่อบน desktop ยิ่ง iPad Pro ตัวใหม่มารองรับ Photoshop รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวปีหน้าแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกว่า Tablet น่าจะทดแทนงานออกแบบและวาดเขียนดิจิทัลในอนาคตได้เต็มตัวในเวลาอีกไม่นาน

2. ที่นอนยางพารา

ที่นอน น่าจะเป็นสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดแต่ถูกมองข้ามมากที่สุดในชีวิตเรา เพราะหน้าที่หลักคือเอาไว้นอน (หรือทำอย่างอื่นก็ได้) ส่วนตัวมีปัญหาเรื่องปวดหลังและไหล่มาเรื้อรังสักระยะแล้ว ลองปรับที่นั่งทำงาน เก้าอี้ ระดับโต๊ะ แม้แต่ที่ทำงานก็ปรับใหม่ แต่สิ่งที่ลืมไปคือ ที่นอน เพราะเราใช้เวลาบนเตียงพอๆกับบนเก้าอี้ทำงาน

เราตัดสินใจซื้อที่นอนยางพารายี่ห้อหนึ่งมาแทนของเดิม ใช้ไปครบหนึ่งสัปดาห์พบว่าอาการเดิมๆที่เคยปวดนู่นนี่หลังตื่นนอนหายไป หลับสนิทกว่าเดิม รู้สึกดีกว่าเดิมเยอะเลย

3. Memo

หลังจากห่างหายการจดบันทึกไป เพราะความขี้เกียจและข้ออ้างร้อยแปดอย่างของเราเอง ก็เริ่มกลับมาจดบันทึกรายวันอีกครั้งในปีนี้

จดหัวข้องาน : สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันก่อนเริ่มงาน พบว่าชีวิตมีระเบียบกว่าเดิม วางแผนงานและสิ่งที่ต้องทำได้ชัดเจนและไม่หลุดเป้าหมาย เห็นประสิทธิภาพในแต่ละวันชัดเจน

บันทึกส่วนตัว : ทำให้เราเห็นภาพรวมในแต่ละวันว่าไปทำอะไร ที่ไหน ยังไงมาบ้าง รวมถึงบันทึกความรู้สึก อารมณ์และความคิดในช่วงเวลานั้น สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ เห็นภาพตัวเองชัดเจนขึ้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

การเงิน : ลงรายละเอียดรายรับ-จ่ายแบบละเอียด วางแผนการเงินได้รอบคอบขึ้น รู้ว่าหมดเงินไปกับอะไรบ้าง (ซื้อเบียร์เยอะมาก ปีนี้) ปีหน้าจะทำกราฟดูเลยว่าใช้อะไรไป และควรปรับอะไรในปีถัดไป

นอกจากฝึกการเขียนตัวเองแล้ว พบว่าเราได้จับปากกา ดินสอ เขียนลงบนกระดาษเป็นเรื่องราวจริงๆ นอกเหนือจากการจิ้ม-กดหน้าจอสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต จนเคยตัวในทุกๆวัน กลับมาฝึกข้อมือ นิ้วและความคิดในการบรรยายลงในกระดาษผ่านตัวอักษร ที่ไม่มีปุ่ม delete หรือ back

4. วิ่ง

ตั้งเป้าไว้ว่าจะวิ่งจริงจังก็ทำได้ตามเป้าหมาย แต่ช่วงวสันตฤดูก็มีอันต้องพับแผนไปสามสี่เดือน เพราะฝนตกหนักและตกแบบเวลาราชการ (ตกก่อนทำงานและหลังเลิกงานเป๊ะๆ) ค่าเฉลี่ยที่วิ่งต่อวันก็ยังน่าพอใจกว่าปีที่แล้วซึ่งขี้เกียจมาก อีกหนึ่งเหตผลคือ น้ำหนักที่เพิ่มมาเกินมาตรฐาน มาตรการคุมของที่ใส่ปากและวิ่งจึงเป็นหมุดหมายสำคัญของปีนี้


ไม่ได้ลงรายการวิ่งไหนเลยช่วงปีนี้ เพราะงานวิ่งปีนี้เหมือนเทศกาลซื้อเสื้อ+เหรียญมากกว่า ความเห็นส่วนตัวนะ ยิ่งล่าสุดงานวิ่งที่ชลบุรีที่ผู้จัดไม่มีน้ำให้นักวิ่ง แถมมีปัญหาเรื่องเงินที่จะมอบให้โรงพยาบาลอีกยิ่งทำให้รู้สึกว่าพอเป็นเทรนด์แล้ว ทุกคนที่อยากทำก็อยากจะฉวยกระแสตรงนี้ มองในแง่ดีคือ เห็นคนได้ออกมาวิ่งกันเยอะมากๆเป็นสิ่งที่ดีอยู่เหมือนกัน อยากให้ออกมาวิ่งกันเยอะๆ วันละครึ่งชม.ก็ยังดี แม้ว่าจะไม่มีเหรียญกับเสื้อก็ตาม

5. หนังสือ : พฤติกรรมความสุข

หนังสือของคุณ ณัฐวุฒิ เผ่าทวี ศาสตรจารย์ด้านพฤติกรรมศาสตร์ ที่โรงเรียนธุรกิจวอร์ริก พูดถึงความสุขว่าคืออะไร มาจากไหน แล้วเราจะบริหารสิ่งที่เรียกว่าความสุขนี้ ได้อย่างไร สนุกและอ่านเพลินมาก ทำให้มุมมองเรื่องความสุขของเราไม่เหมือนครั้งแรกก่อนที่จะได้อ่านหนังสือเล่มนี้

อยากขอให้ปีหน้าเป็นปีที่ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในบ้านเราก้าวไปข้างหน้า และ ได้เลือกตั้งเสียทีนะ